วิเคราะห์ถ้อยแถลงจากสมาคม หลังจากที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ออกมาแจกแจงเหตุผล แล้วก็สิ่งที่จำเป็นสำหรับการเลื่อนรวมทั้งเพิ่มเวลาการประลองกีฬาบอลลีก ฤดู 2563 รวมทั้งนี่เป็นบทวิจารณ์ สิ่งที่แถลงจากสัมพันธ์ฯ เหตุไรไทยลีกไม่กลับมาชิงชัยให้เร็วขึ้น วิเคราะห์ถ้อยแถลงจากสมาคม
1. สืบไปจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสวัววิด-19 ทำให้บอลลีกอาชีพ ที่กำลังปฏิบัติการแข่งไปตามที่ได้กำหนดการที่วางไว้มีอันจำต้องหยุดชะงัก และก็ถูกเลื่อนออกไป (แม้กระนั้นลีกเมืองนอกกลับมาจัดแข่งขันและก็จบด้านในปี ได้แก่ เยอรมัน อังกฤษแล้วก็ลีกชั้นแนวหน้าสุดยอด)
2. รัฐบาลได้ประกาศเหตุการณ์รีบด่วน แล้วก็ออกกฎระเบียบไม่ให้มีการชิงชัยกีฬา สโมสรฯ ก็เลยจำเป็นต้องทำตามข้อบังคับ แล้วก็เลื่อนการประลองกีฬาบอลออกไปจากปฏิทินเดิม (แม้กระนั้นตอนนี้รัฐบาลประกาศชัดประเด็นการผ่อนผันให้จัดแจงชิงชัยได้ตั้งแต่ 12 เดือนมิถุนายน 2563)
3. โดยสัมพันธ์ฯ ได้สัมมนากับชมรมสมาชิกที่ได้รับผลพวง เพื่อด้วยกันหาทางออก ในส่วนของวิธีการจัดแข่ง รวมทั้งระบุตอนที่จะกลับมาแข่งใหม่ เป็นกันยายน 2563 (แต่ว่าไม่มีเอกสารอย่างเป็นทางการ)
4. เหตุเพราะในตอนนั้น สมาพันธ์ไม่อาจจะบริหารภายใต้ความไม่แน่ชัดของเหตุการณ์ ก็เลยมีความเห็นว่าควรจะเลื่อนไปถึงก.ย. เพื่อสามารถบริหารค่าใช้สอยในตอนที่หยุดการประลอง และก็ตระเตรียมกลับมาฝึกฝนได้อย่างเห็นได้ชัด โดยสมาพันธ์ยังแสดงถึงเหตุจำเป็นที่จำต้องรู้ล่วงหน้าก่อนกลับมาชิงชัย 6-8 อาทิตย์ ในการจัดแจงกลุ่ม (ในปี 2563 สโมสรจัดแจงแข่งได้เพียงแค่ 10% และก็ลดปริมาณแมทซ์การแข่งขันชิงชัยหลายสิบแมทย์ทำให้ไม่ตรงตามข้อตกลง)
5. วันที่ 8 พ.ค. 2563 ชมรมฯ ได้ทำหนังสือถึงทรูวิชั่นส์ บอกให้ทราบถึงเวลาการการแข่งฤดู 2563 ซึ่งชมรมฯ รับแจ้งจากประธานทรูวิชั่นส์ว่าได้รับหนังสือแล้ว และก็จะจัดการตอบอย่างเร็ว (โดยทรูวิชั่นส์ขอปรึกษา แล้วก็ตอบจดหมายปัจจุบันว่า มีผลเสียต่อการถ่ายทอดสด แล้วก็เนื้อหาหลายสิ่งหลายอย่างไม่ตรงตามข้อตกลง ก็เลยควรจะมีการพูดจาหาทางออกกันอีกที)
6. นอกเหนือจากนั้น ในวันที่ 19 เดือนมิถุนายน 2563 สโมสรฯ ก็ได้แจ้งให้ บริษัท ไอสปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทถ่ายทอดสด จัดเตรียมถ่ายทอดสด รวมทั้งแจ้งให้ทรูวิชั่นส์เตรียมตัวสำหรับในการรับภาพและก็เสียงการแข่งขันชิงชัยแล้ว (เป็นการแจ้งเพื่อดำเนินงานมิได้ ในฐานะคู่สัญญาควรมีการพูดจา)
7. แม้ว่าจะมีมาตรการบรรเทาในวันที่ 12 เดือนมิถุนายน 2563 ให้จัดแข่งกีฬาได้ แม้กระนั้นผู้จัดการชิงชัย จะต้องปฏิบัติการตามขั้นตอนรวมทั้งแนวทางการที่ดินราชการระบุ (การลดปริมาณแมทซ์ลง และไม่สามารถจัดแข่งขันได้ตามข้อตกลง ควรจะมีการสนทนาเพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อตกลงใหม่)
8. โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ได้ให้สัมพันธ์ฯ ส่งร่างคู่มือจัดแจงแข่ง ซึ่งได้ทำงานเสร็จ แล้วก็ส่งให้การกีฬาแห่งประเทศไทย ไปตอนวันที่ 25 เดือนมิถุนายน 2563 ก่อนหน้าที่ผ่านมา เพื่อการกีฬาแห่งประเทศไทยส่งร่างคู่มือนี้ไปให้ศูนย์บริหารเหตุการณ์วัววิด-19 (ศบค.) ยืนยัน ก่อนการประกาศใช้ถัดไป (ในอนาคตถ้าหากชมรมเปลี่ยนข้อแม้ได้เอง จะกระทบต่อความมั่นใจของผู้ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอด)
9. ระหว่างนี้ สมาพันธ์ได้เริ่มทยอยกลับมาซ้อม ซึ่งสมาคมโดยมาก ยังมีนักกีฬาแล้วก็ผู้ฝึกเป็นคนประเทศอื่น ที่ช่วงนี้ยังไม่อาจจะเข้าเมืองไทยได้ เนื่องจากว่ายังไม่เปิดน่านฟ้า รวมทั้งยังจำเป็นต้องทำเรื่องยืนยันจากประเทศต้นทาง รวมทั้งจำเป็นต้องกระทำการกักบริเวณ ถ้าเกิดมาถึงเมืองไทยอีก 14 วัน (ชมรมยังไม่ประกาศผู้ชนะการประมูลไทยลีกฤดูหน้า ก็เลยบางทีอาจเป็นไปได้ว่าจะเลื่อนการแข่นขันเพื่อคอยความแจ่มกระจ่าง)
10. ช่วงเวลาเดียวกัน การจดทะเบียนนักกีฬารอบพิเศษ ที่ได้รับการยินยอมจากสมาคมสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างชาติ ถูกกำหนดไว้เป็นวันที่ 25 ส.ค. ถึง 8 ก.ย. ด้วยเหตุนั้น ถ้าหากมีการกลับมาแข่ง ก่อนขึ้นบัญชี ก็จะส่งผลต่อความเป็นต่อเสียเปรียบระหว่างสมาคม (แม้เปลี่ยนแปลงตารางมิได้จริงๆทรูวิชั่นส์ก็ถ่ายทอดเฉพาะคู่ที่แข่งขันได้ในปี 2563 แล้วก็ชำระเงินเฉพาะคู่ที่แข่งขันได้ในปี 2563 ซึ่งก็คงจะจบลงด้วยดี)
11. สำหรับในเรื่องที่จะให้บอลลีกฤดู 2563 จบลงด้านในปีเดียวกันนั้น ควรต้องจัดแจงแข่งอย่างสม่ำเสมอทุก 3 วัน ซึ่งความถี่สำหรับการชิงชัยแบบนี้ จะทำให้นักกีฬาอ่อนล้า และก็มีความเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ แตกต่างจากลีกในยุโรป ที่ปัจจุบันนี้อยู่ในช่วงท้ายฤดู (ควรจะพูดจากับ ทรูวิชั่นส์ ปรับคำสัญญาที่จบในปี 2563 นับเฉพาะจำนวนคู่ที่แข่งขัน แล้วปรับข้อตกลงใหม่ )
โดยในเหตุการณ์อันยากลำเค็ญ ท่ามกลางการระบาดของวัววิด-19 แบบนี้ สัมพันธ์ฯ ได้มานะอย่างมาก ที่จะจัดให้มีการชิงชัยบอลลีกขึ้นอย่างเร็ว เพื่อลดผลพวงที่มีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ดี ชมรมฯ ก็จึงควรกระทำตามกฎเกณฑ์จากหน่วยงานรัฐบาลอย่างเคร่งครัด และก็จะต้องให้ความเท่าเทียมต่อสมาพันธ์ที่ร่วมการแข่งขันชิงชัยด้วยเช่นเดียวกัน (ควรจะเบือนหน้ามาเปิดโต๊ะพูดจา แล้วก็มีลายลักษณ์อักษรด้วยกัน ไม่ใช่แค่คุยแบบไม่เป็นทางการ)
ดังนี้ ก็ได้แต่ว่าหวังหัวใจว่า ถ้าหากทั้งยัง 2 ข้างพูดจากันได้ สำรวจไม่ยากว่าข้อมูลของคนไหนถูก ที่สำคัญจำเป็นต้องเอาเนื้อหาในคำสัญญาเป็นหลัก แม้มีอะไรไม่ตรง ก็ปรับกันไป แบบ วิน วิน ทั้งสองฝ่าย รวมทั้งทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็อาจจบลงได้อย่างยอดเยี่ยม
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.sanook.com/
ติดตามข่าวสารได้ที่ https://sbosportclub.com/
31 total views, 3 views today